สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

Bearing / แบริ่ง

Bearing / แบริ่ง

Bearing / แบริ่ง

จำหน่าย แบริ่ง (Bearings) ต่างๆตามลูกค้าต้องการ


แบริ่ง (Bearings) 

         ตลับลูกปืน หรือ Bearing ที่ใช้กับเครื่องจักรกลตามโรงงานอุตสาหกรรมนั้น โดยทั่วไปมี  2 ประเภท คือ  ตลับลูกปืนแบบธรรมดา ( PLAIN BEARING ) และ ตลับลูกปืนแบบกลิ้ง ( ROLLING BEHARING )

             - ตลับลูกปืนแบบธรรมดา หรือ PLAIN  BEARING สามารถแบ่งแยกออกได้อีกเป็น 3 ชนิด คือ
             1. JOURNAL BEARING หรือ SLEEVE BEARING ใช้ในการรองรับการเคลื่อนที่ของเพลาที่หมุนหรือแกว่งไปมา
             2. THRUST BEARING ใช้ในการรองรับภาระในแนวแกนของเพลาที่หมุนหรือแกว่งไปมา
             3. LINE BEARING หรือ QUIDE BEARING ใช้ในการรองรับ และบังคับแนวการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วนที่เคลื่อนที่แบบเคลื่อนไหว 

             - ตลับลูกปืนแบบลูกกลิ้ง หรือ ROLLING BEARING มักจะใช้ในการรองรับโดยตรง หรือโดยอ้อมด้วยชิ้นส่วนหมุน ได้แก่ ลูกบอลทรงกลม( BALLS ), ทรงกระบอก( CYLINDRICAL ROLLERS ), ทรงกระบอกเรียว( CONICON ROLLERS ), และ รูเข็ม( NEEDLES ) โดยแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นนั้นมักจะแตกต่างกันไปจากตลับลูกปืนแบบธรรมดา ซึ่งเป็นแรงเสียดทานของการไกล ตลับลูกปืนแบบ ROLLING มีหลายชนิดดังรูป

ภาพแสดง ประเภทของตลับลูกปืนแบบ ROLLING BEARING

หน้าที่และประโยชน์ของการใช้งานตลับลูกปืน 

             ตลับลูกปืนที่ใช้ในเครื่องยนต์หรือเครื่องจักรกลนั้น มีหน้าที่หลักๆ คือ ใช้เป็นตัวรองรับการเคลื่อนที่ของเพลาให้ทำงานให้เที่ยงตรงทั้งแนวรัศมี และแนวแกน อีกทั้งยังทำหน้าที่ลดความเสียดทานโดยจะทำให้เพลาสามารถหมุนได้อย่างราบลื่นไม่ติดฝืด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเพลาได้ดียิ่งขึ้น และสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายเมื่อตลับลูกปืนชำรุดหรือหมดสภาพ ถือเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ แต่มีความสำคัญในเครื่องจักรกลที่มีบทบาทสูงเลยทีเดียว

การตรวจสอบสภาพของแบริ่งนั้นจะแบ่งการตรวจสอบออกเป็นสองแบบคือ
* การตรวจสอบสภาพของแบริ่งขณะทำงาน (Check of Bearing in Operation)  

เป็นการตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแบริ่งในขณะที่แบริ่งกำลังทำงานเพื่อติดตามสภาพของแบริ่ง เป็นการหาความผิดปกติและเตรียมการแก้ใขปัญหาหากมีความปกติเกิดขึ้นกับแบริ่ง ในการตรวจสอบแบริ่งขณะทำงานนั้นจะตรวจสอบอุณหภูมิ (Temperature) การสั่นสะเทือนและเสียงผิดปกติ (Vibration and Noise) ที่เกิดขึ้นกับแบริ่ง นอกจากนั้นจะต้องตรวจสอบสภาพการหล่อลื่นของแบริ่งด้วยว่าเพียงพอหรือมากเกินไปหรือไม่

.
รายละเอียดในการตรวจสอบสภาพแบริ่งขณะที่เครื่องจักรทำงาน (Inspection When Machine Running) 
* อุณหภูมิในการทำงานของแบริ่ง (Bearing Temperature)

โดยทั่วไปแล้วอุณหภูมิของแบริ่งจะเพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิสิ่งแวดล้อม อุณหภูมิห้องที่แบริ่งทำงานหรืออุณหภูมิของชิ้นส่วนที่ทำงานร่วมกันหรือติดกับแบริ่งนั้นหลังจากที่เริ่มทำงานไประยะหนึ่ง ประมาณ 10–40 ๐C ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ความเร็วรอบในการทำงานรับโหลด (Load) และก่อนมีโหลด (Pre-Load) ของแบริ่ง              

.

การหล่อลื่นและการกระจายอุณหภูมิหรือความร้อนจากอุปกรณ์ข้างเคียง ซึ่งเมื่อแบริ่งทำงานไปเรื่อย ๆ หลังจากนั้นถ้าแบริ่งอยู่ในสภาวะการทำงานที่ปกติอุณหภูมิของแบริ่งจะต้องคงที่และโดยทั่วไปแล้ว อุณหภูมิของแบริ่งจะต้องไม่เกิน 100 ๐C ในกรณีที่อุณหภูมิของแบริ่งสูงผิดปกติอาจมาจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

.

  1. การหล่อลื่นไม่เพียงพอหรือมากเกินไป
   2. การติดตั้งไม่ดี  หรือแบริ่งเสียหายขณะที่ติดตั้ง
   3. แบริ่งมี Clearance น้อยเกินไปหรือแบริ่งรับภาระ (Load) มากเกินไป
   4. เกิดการเสียดทานกันระหว่างขอบแบริ่งกับร่องซีล
   5. ใช้สารหล่อลื่นไม่ถูกต้อง
   6. เกิดรอยแตกที่ผิวแบริ่ง

.

* การตรวจสอบการสั่นสะเทือนของแบริ่ง (Vibration of bearing) 
ความเสียหายและความผิดปกติ เช่นการไม่ได้ศูนย์ (Misalignment) การไม่สมดุล (Imbalance) หรือสภาพการจับยึดไม่ดีหรือการหลุดหลวมของเครื่องจักรที่เกิดขึ้นกับเครื่องจักรจะส่งผลกระทบโดยตรงกับแบริ่ง ตลอดจนความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแบริ่งสามารถตรวจสอบได้โดยการวัดการสั่นสะเทือน ขนาดของการสั่นสะเทือน (Amplitude) ที่มากหรือน้อยที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความเสียหายหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแบริ่ง  

.
* การตรวจสอบเสียงผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแบริ่ง (Operating Sound of Bearing) 

เสียงผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแบริ่งก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นตัวบ่งบอกถึงความเสียหายและความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแบริ่ง  สำหรับความผิดปกติของแบริ่งที่แสดงออกมาในรูปเสียงที่ผิดปกตินั้นมีรายละเอียดของสาเหตุ และการแก้ใขแสดงในตารางที่ 6 

.

ในการวิเคราะห์เสียงที่เกิดจากความผิดปกติของแบริ่งนั้น อันดับแรกเราต้องมองภาพการทำงานของส่วนประกอบต่าง ๆ ของแบริ่งให้ออกก่อนว่าในขณะที่แบริ่งต้องรับภาระ (Load) และหมุนไปด้วยนั้นชิ้นส่วนแต่ละชิ้น เช่น รางนอกและรางใน (Inner and Outer Race) รัง (Retainer) แบริ่ง หรือเม็ดลูกปืน (Ball or Roller) เคลื่อนที่ในลักษณะอย่างไร สัมพันธ์กับส่วนอื่น ๆ หรือไม่อย่างไร และลักษณะเสียงผิดปกติที่ดังออกมานั้นเป็นอย่างไรบ้าง

.

เช่น ระดับความดังของเสียง ลักษณะของเสียงดังที่เกิดขึ้น ความถี่ของเสียงที่เกิดขึ้น และความสัมพันธ์ระหว่างความถี่ของเสียงกับควมเร็วรอบในการหมุนของลูกปืนเป็นต้อน  เมื่อเราได้ข้อมูลเหล่านี้มาแล้วก็นำมาวิเคราะห์ว่าน่าจะมาจากส่วนใหนของลูกปืนที่ชำรุด

 
ตารางแสดงลักษณะและสาเหตุของเสียงผิดปกติที่เกิดขึ้นกับแบริ่ง

การบำรุงรักษาตลับลูกปืน

การหล่อลื่นตลับลุกปืนมีอยู่สองวีการ คือ การหล่อลื่นด้วยจาระบีและการหล่อลื่นด้วยน้ำมัน

การหล่อลื่นด้วยจาระบี


ตลับลูกปืนกว่า 36%ที่เสียหายก่อนกำหนด มีสาเหตุมาจากการหล่อลื่นที่ไม่ถูกต้อง จาระบีสารพัดประโยชน์ไม่เพียงพอต่อความต้องการเฉพาะของตลับลูกปืน ในเครื่องมือจักกลแต่ละแบบและจะทำให้เกิดปัญหามากกว่าจะเป็นประโยชน์ ตลับลูกปืนมีสภาพการทำงานที่หลากหลายและการหล่อลื่นที่ถูกต้อง จำเป็นต้องใช้จาระบีเฉพาะของงานในขณะที่ตลับลูกปืนทำงาน จำเป็นต้องเติมสารหล่อลื่นเพิ่ม การเลือกใช้จาระบีและการเติมด้วยปริมาณที่ไม่ถูกต้องจะส่งผลต่ออายุการทำงานของตลับลูกปืน นอกจากนี้วิธีการเติมที่ถูกต้องจากช่วยยืดอายุตลับลูกปืนได้ หน้าที่หลักของการหล่อลื่นตลับลูกปืน คือการเน้นไปที่การป้องกันการสัมผัสกันของโลหะระหว่างเม็ดลูกกลิ้งและรางวิ่ง ก็เพื่อที่จะลดแรงเสียดทานและป้องกันการสึกหรอ หน้าที่รองของสารหล่อลื่น คือการปกป้องตลับลูกปืนจากการกัดกร่อนและสิ่งปนเปื้อนภายนอก

การหล่อลื่นด้วยน้ำมัน

มีตลับลุกปืนน้อยกว่า 20% หล่อลื่นด้วยน้ำมัน เราจะเน้นไปที่การหล่อลื่นวิธีนี้ นอกจากนี้ การหล่อลื่นด้วยน้ำมันเป็นเรื่องที่ไม่สับซ้อน คุณสมบัติที่สำคัญในการเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นคือความหนืดและชนิดของน้ำมัน การหล่อลื่นควรใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดที่เหมาะสมกับความต้องการและมีปริมาณน้ำมันหล่อลื่นที่เพียงพอ ห้องเครื่องของเพลาควรได้รับการตรวจสอบคุณภาพและปริมาณของน้ำมันหล่อลื่นที่มีอยู่ในห้องเครื่องตามคำแนะนำของผู้ผลิตเครื่องมือกลอยู่เสมอ เครื่องมือกลควรจัดวางให้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมและปราศจากฝุ่นละออง หรือจัดหาสิ่งป้องกันเมื่อจำเป็น

การเลือกใช้น้ำมันจะขึ้นอยู่กับความหนืดที่ต้องการใช้ในการหล่อลื่นที่เพียงพอแก่ตลับลูกปืนที่อุณหภูมิ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานโดยทั่วไปแบ่งเป็น 3ชนิด ได้แก่

-น้ำมันแร่ (90%)

-น้ำมันสงเคราะห์(10%)

-น้ำมันจากสัตว์และพืช (<1%)

โดยทั่วไปน้ำมันแร่เหมาะสมต่อการใช้งาน แต่ในบางกรณีน้ำมันชนิดอื่นมีความเหมาะสมมากกว่าน้ำมันจะต้องปราศจากสิ่งปนเปื้อนและทนต่อปฎิกริยากับอากาศ(ออกซิเดชั่น)การเกิดยางเหนียวและการเสื่อมสภาพจากการระเหยตัว

ความถี่ในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องขึ้นอยู่กับสภาพการทำงาน(การปนเปื้อน,อุณหภูมิ)และคุณภาพของน้ำมันที่ใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสามารถหาได้โดยการทดลองใช้งานและส่งน้ำมันเข้าตรวจวิเคราะห์คุณภาพในห้องทดลองเป็นระยะๆ ในขณะทำงานการตรวจสอบสภาพตลับลูกปืนเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ ปัจจัยที่ต้องตรวจสอบ เช่น อุณหภูมิ, ความสั่นสะเทือนและการวัดระดับเสียงการตรวจสอบสิ่งเหล่านี้เป็นประจำ ทำให้สามารถแก้ปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้และช่วยป้องกันความเสียหายที่ไม่คาดคิด เครื่องมือในขั้นตอนนี้ ได้แก่ เครื่องมือวัดอุณหภูมิ เสียง ความเร็วและความสั่นสะเทือน


view